ผืนป่าเขาใหญ่มีเรื่องเล่ามากมายหลากหลายเรื่อง หลายคนอาจรู้จักเขาใหญ่ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่เปรียบเสมือนห้องเรียนทางธรรมชาติขนาดใหญ่ ทว่าแท้จริงแล้วเขาใหญ่มีอดีตอันลึกลับที่ผู้คนต่างยุคสมัยเล่าขานกันเนิ่นนานจวบจนปัจจุบัน
วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ผืนป่าเขาใหญ่
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ธรรมชาติ
18 กันยายน พ.ศ. 2505 เป็นวันประกาศอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของเมืองไทย คืออุทยานฯเขาใหญ่จวบจนถึงวันนี้นับเป็นเวลานับ 50 ปี
อุทยานเขาใหญ่ใด้ผ่านลอยย้ำของนักเดินทางมาอย่างยาวนานแต่ล่ะคนผ่านพบประสบการณ์และความปรทับใจที่แต่งต่างกันออกไป สิ่งหนึ่งที่ผืนป่าแห่งนี้ไม่เคยเปลียนแปลงนับตั้งแต่พืนป่า"ดงพญาเย็น"อันลึกลับสู่การประกาศให้เป็น"อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย"คือความอุดมสมบูรณ์ของป่าดิบชื้นอันสวยงามซึ่งต่อมายูเนสโก้ (UNESCO)ได้ประกาศให้เป็น "มรดกโลกทางธรรมชาติ"ที่ควรอนุรักษ์และห่วงแหน เมื่อปี พ.ศ. 2548
สภาพภูมิประเทศของอุทยานฯเขาใหญ่ที่สวยงามเช่นในปัจจุบันนี้น้อยคนนักที่จะรู้ว่าธรรมชาติใด้ใช้เวลาหลายร้อยล้านปีในการสรรค์สร้างให้ปรากฎผลเป็นปฎิมากรรมทางธรนีวิทยาบนผิวโลก ภูมิลักษณ์ของมรดกโลกแห่งนี้จึงมีความลับซับซ้อนด้วยภูเขาน้อยใหญ่ที่ปกติคุมด้วยผืนป่าอันสงบร่มเย็นทว่าแผ่นเปลือกโลกที่ซ้อนอยู่ใต้ผืนป่าแห่งนี้กลับมีเรื่องราวอันหน้าพิศวงและชวนติดตามทั้งที่เกิดจากการละเบิดของภูเขาไฟการถับถมของตะกอน การยกตัวของเปลือกโลก และการกัดเซาะทั้งหลายของดินและหินที่เกิดข้นในแต่ล่ะยุคทางธรนีวิทยาท้าทายให้เราค้นหาอย่างไม่รู้จบ
อุทยานเขาใหญ่ใด้ผ่านลอยย้ำของนักเดินทางมาอย่างยาวนานแต่ล่ะคนผ่านพบประสบการณ์และความปรทับใจที่แต่งต่างกันออกไป สิ่งหนึ่งที่ผืนป่าแห่งนี้ไม่เคยเปลียนแปลงนับตั้งแต่พืนป่า"ดงพญาเย็น"อันลึกลับสู่การประกาศให้เป็น"อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย"คือความอุดมสมบูรณ์ของป่าดิบชื้นอันสวยงามซึ่งต่อมายูเนสโก้ (UNESCO)ได้ประกาศให้เป็น "มรดกโลกทางธรรมชาติ"ที่ควรอนุรักษ์และห่วงแหน เมื่อปี พ.ศ. 2548
สภาพภูมิประเทศของอุทยานฯเขาใหญ่ที่สวยงามเช่นในปัจจุบันนี้น้อยคนนักที่จะรู้ว่าธรรมชาติใด้ใช้เวลาหลายร้อยล้านปีในการสรรค์สร้างให้ปรากฎผลเป็นปฎิมากรรมทางธรนีวิทยาบนผิวโลก ภูมิลักษณ์ของมรดกโลกแห่งนี้จึงมีความลับซับซ้อนด้วยภูเขาน้อยใหญ่ที่ปกติคุมด้วยผืนป่าอันสงบร่มเย็นทว่าแผ่นเปลือกโลกที่ซ้อนอยู่ใต้ผืนป่าแห่งนี้กลับมีเรื่องราวอันหน้าพิศวงและชวนติดตามทั้งที่เกิดจากการละเบิดของภูเขาไฟการถับถมของตะกอน การยกตัวของเปลือกโลก และการกัดเซาะทั้งหลายของดินและหินที่เกิดข้นในแต่ล่ะยุคทางธรนีวิทยาท้าทายให้เราค้นหาอย่างไม่รู้จบ
วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ธรรมชาติกับกล้วยไม้
หางช้างหรือเพรชหึง เป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นกล้วยไม้ป่าชนิดหนึ่งที่พบมากในประเทศไทย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดและศูนย์กลางของกล้วยไม้ที่สำคัญ เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่เอื่ออำนวยต่อการเจริญงอกงาม และมีลักษณะเด่นแตกต่างไปจากภูมิภาคอื่น โดยกล้วยไม้ชนิดนี้อยู่ในสกุล "แกรมมาโทฟิลลั่ม" ถือเป็นพืชใบเลี้ยงเดียว
หางช้างหรือเพรชหึง เป็นกล้วยไม้ป่าที่หายากและเป็นกล้วยไม้พันธิ์พืชสงวน โดยมีการนำออกมาจากป่ามาปลูก แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูหรือขยายพันธุ์ใด้ จึงทำให้กล้วยไม้ชนิดนี้เริ่มจะสูญพันธุ์ จึงเริ่มมีการนำเอามาขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้ยเยื่อ ซึ่งโดยธรรมชาติของกล้วยไม้ชนิดนี้เมื่อผสมเกสรติดฝัก จะมีเมล็ดขนาดเล็กนับแสนๆๆเมล็ด ที่ล่องลอยออกไปตามกระแสลม ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมของทุกๆๆปี แต่จะมีเพียงไม่กี่เมล็ดเท่านั้นที่สามารถรอดได้
หางช้างหรือเพรชหึง เป็นกล้วยไม้ป่าที่หายากและเป็นกล้วยไม้พันธิ์พืชสงวน โดยมีการนำออกมาจากป่ามาปลูก แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูหรือขยายพันธุ์ใด้ จึงทำให้กล้วยไม้ชนิดนี้เริ่มจะสูญพันธุ์ จึงเริ่มมีการนำเอามาขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้ยเยื่อ ซึ่งโดยธรรมชาติของกล้วยไม้ชนิดนี้เมื่อผสมเกสรติดฝัก จะมีเมล็ดขนาดเล็กนับแสนๆๆเมล็ด ที่ล่องลอยออกไปตามกระแสลม ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมของทุกๆๆปี แต่จะมีเพียงไม่กี่เมล็ดเท่านั้นที่สามารถรอดได้
วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ธรรมชาตกับกล้าวยไม้
ไอยเรสหรือพวงมาลัย เป็นไม้ป่าพันธุ์แท้ที่มีทิ่นกำเนิดกระจายไปทั่วประเทศไทยและประเทศศีลังกา เนปาล ภูฎาน จีน ประเทศแทบอินโดจีน มาเลเซีย ฟิลิปินส์ และหมู่เกาะบอร์เนียว ในประเทศไทยพบในป่าที่มีระดับความสูงตั้งแต่ประมาณ 150-1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไอยเรศมีลำต้นใหญ่แข่งแรงคล้ายกล้วยไม้ช้างแต่ใบยาวกว่าและแคบกว่า ใบยาวประมาณ 40 เซนติเมตรกว้างประมาณ 4 เซ็นติเมตรมีทางสีเขียวแก่สลับสีเขียวอ่อนตามความยาวของใบคล้ายก้ลวยไม้ช้าง ปลายใบมีลักษณะเป้นฟันแหลมไม่เท่ากัน ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก ใค้งห้อยลง ยาวประมาณ 30-50 เซ็นติเมตร ก้านช่อยาวประมาณ 7-10 เซ็นติเมตร มีดอกแน่นช่อ ใน 1 ช่อมีประมาณ 150 ดอก มากกว่ากล้วยไม้ช้าง รูปร่างลักษณะของช่อดอกที่ยาวเป็นรูปทรงกระบอกคล้ายกับลักษณะของพวงมาลัย จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “พวงมาลัย” ต้นใหญ่ๆ มักจะแตกหน่อที่โคนต้น เกิดเป็นกอใหญ่ขึ้นได้ ดอกมีขนาดประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร สีพื้นของกลีบนอกและกลีบในของดอกเป็นสีขาว มีจุดสีม่วงประปราย เดือยดอกมีสีม่วงอ่อน แผ่นปากมีลักษณะโค้งขึ้นบนแล้วยื่นไปข้างหน้า มีแต้มสีม่วงตรงกลางแผ่นปากส่วนโคนและปลายสุดแผ่นปากเป็นสีขาว ปลายแผ่นปากเว้า เส้าเกสรเห็นชัด ออกดอกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ไอยเรศที่มีดอกสีขาว ไม่มีสีม่วงปะปนอยู่เลย เรียก "ไอยเรศเผือก" ซึ่งหาได้ยาก ไอยเรศปลูกเลี้ยงได้ง่าย ให้ดอกทุกปี และชอบแสงแดดมากกว่ากล้วยไม้ช้าง การปลูกอาจเกาะไว้กับกิ่งไม้หรือท่อนไม้ ไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดด หรือจะปลูกลงกระเช้าไม้ แขวนไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเพียงพอ ควรให้ได้รับแสงแดดมากกว่ากล้วยไม้ช้างเล็กน้อย และควรปลูกในเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เนื่องจากช่วงต้นฤดูฝนจะทำให้ต้นและรากเติบโตดี |
ไอยเรสหรือพวงมาลัย เป็นไม้ป่าพันธุ์แท้ที่มีทิ่นกำเนิดกระจายไปทั่วประเทศไทยและประเทศศีลังกา เนปาล ภูฎาน จีน ประเทศแทบอินโดจีน มาเลเซีย ฟิลิปินส์ และหมู่เกาะบอร์เนียว ในประเทศไทยพบในป่าที่มีระดับความสูงตั้งแต่ประมาณ 150-1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไอยเรศมีลำต้นใหญ่แข่งแรงคล้ายกล้วยไม้ช้างแต่ใบยาวกว่าและแคบกว่า ใบยาวประมาณ 40 เซนติเมตรกว้างประมาณ 4 เซ็นติเมตรมีทางสีเขียวแก่สลับสีเขียวอ่อนตามความยาวของใบคล้ายก้ลวยไม้ช้าง ปลายใบมีลักษณะเป้นฟันแหลมไม่เท่ากัน ช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก ใค้งห้อยลง ยาวประมาณ 30-50 เซ็นติเมตร ก้านช่อยาวประมาณ 7-10 เซ็นติเมตร มีดอกแน่นช่อ ใน 1 ช่อมีประมาณ 150 ดอก มากกว่ากล้วยไม้ช้าง รูปร่างลักษณะของช่อดอกที่ยาวเป็นรูปทรงกระบอกคล้ายกับลักษณะของพวงมาลัย จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “พวงมาลัย” ต้นใหญ่ๆ มักจะแตกหน่อที่โคนต้น เกิดเป็นกอใหญ่ขึ้นได้ ดอกมีขนาดประมาณ 1.2-1.5 เซนติเมตร สีพื้นของกลีบนอกและกลีบในของดอกเป็นสีขาว มีจุดสีม่วงประปราย เดือยดอกมีสีม่วงอ่อน แผ่นปากมีลักษณะโค้งขึ้นบนแล้วยื่นไปข้างหน้า มีแต้มสีม่วงตรงกลางแผ่นปากส่วนโคนและปลายสุดแผ่นปากเป็นสีขาว ปลายแผ่นปากเว้า เส้าเกสรเห็นชัด ออกดอกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ดอกจะบานอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ไอยเรศที่มีดอกสีขาว ไม่มีสีม่วงปะปนอยู่เลย เรียก "ไอยเรศเผือก" ซึ่งหาได้ยาก ไอยเรศปลูกเลี้ยงได้ง่าย ให้ดอกทุกปี และชอบแสงแดดมากกว่ากล้วยไม้ช้าง การปลูกอาจเกาะไว้กับกิ่งไม้หรือท่อนไม้ ไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดด หรือจะปลูกลงกระเช้าไม้ แขวนไว้ในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเพียงพอ ควรให้ได้รับแสงแดดมากกว่ากล้วยไม้ช้างเล็กน้อย และควรปลูกในเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เนื่องจากช่วงต้นฤดูฝนจะทำให้ต้นและรากเติบโตดี |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)